หญ้าหวาน

หญ้าหวาน (Stevia) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Stevia rebaudiana Bertoni เป็นพืชที่ถูกจัดอยู่ในวงศ์ ASTERACEAE เป็นพืชล้มลุกระยะยาว มีลักษณะคล้ายต้นกะเพราหรือต้นแมงลัก ลำต้นกลมและแข็ง มีใบเดี่ยว รูปหอก ขอบใบหยักคล้ายฟันเลื่อย ใบให้สารที่มีรสหวาน และมีช่อดอกสีขาว หญ้าหวานเป็นพืชพื้นเมืองของประเทศบราซิลและทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศปารากวัย ซึ่งมีการค้นพบว่าชาวพื้นเมืองปารากวัย ได้ใช้หญ้าหวานนี้ผสมกับชาเพื่อดื่มมาแล้วมากกว่า 1,500 ปี ต่อมาประเทศญี่ปุ่นก็ได้นำมาใช้อย่างกว้างขวาง สำหรับในประเทศไทยได้เริ่มมีการนำหญ้าหวานมาใช้กันอย่างแพร่หลายเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา โดยนิยมปลูกในภาคเหนือ เพราะหญ้าหวานขึ้นได้ดีในสภาพอากาศค่อนข้างเย็น

สรรพคุณหญ้าหวาน กับประโยชน์ทางยา
หญ้าหวานถึงแม้จะเป็นสมุนไพรที่ไม่ได้ให้พลังงานกับร่างกายเหมือนพืชสมุนไพรชนิดอื่น ๆ แต่หญ้าหวานก็มีสรรพคุณทางยาที่สำคัญหลายประการ โดยเฉพาะช่วยลดน้ำตาลในเลือด ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยบำรุงตับอ่อน ลดไขมันในเส้นเลือดและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูงและโรคอ้วนได้ แถมยังช่วยสมานแผลทั้งภายนอกและภายใน ทำให้แผลหายไวขึ้นได้ รวมทั้งทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น ใครที่รู้สึกไม่ค่อยมีแรง ก็ลองดื่มเครื่องดื่มที่ผสมหญ้าหวานก็จะช่วยให้มีกำลังวังชาเพิ่มขึ้นด้วย และด้วยความที่หญ้าหวานเป็นพืชที่ไม่มีพลังงาน จึงมีการนำไปใช้ในการลดความอ้วนกันอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะใช้ผสมดื่ม หรือไปผลิตเป็นอาหารเสริม

แม้ว่าหญ้าหวานจะเป็นสมุนไพรที่ให้ความหวานได้มากกว่าน้ำตาล 300 เท่า แต่ก็เป็นที่น่าอัศจรรย์เพราะระดับความหวานเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ระดับน้ำตาลในเพิ่มสูงขึ้น แถมยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และบำรุงตับอ่อนได้อีกต่างหาก ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานก็ไม่ต้องกลัวถึงผลข้างเคียงของเจ้าหญ้าหวานแล้วหละค่ะ 

หญ้าหวาน

ในปัจจุบันหญ้าหวานถูกนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น ใบอบแห้ง, ใบแห้งบดสำหรับชงแบบสำเร็จรูป (ชาหญ้าหวาน), ใบสด, ใบแห้งบดสำหรับใช้แทนน้ำตาล (หญ้าหวานผง) และแบบสารสกัดจากใบแห้งด้วยน้ำ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะนำมาชงดื่มหรือนำไปผสมกับเครื่องดื่มเสียมากกว่า เพราะในหญ้าหวานมีสารที่เรียกว่า สารสตีวิโอไซด์ ซึ่งให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 200-300 เท่า มีความทนทานต่อกรดและความร้อน และไม่ถูกย่อยสลายด้วยสารจุลินทรีย์ เมื่อใช้หญ้าหวานกับอาหารหรือเครื่องดื่มจึงไม่ทำให้เกิดการเน่าเสีย และไม่กลายเป็นสีน้ำตาลเมื่อผ่านความร้อนสูงอีกด้วย ซึ่งก็ทำให้ถูกนำไปใช้ในการผลิตอาหารหรือเครื่องดืมบางชนิดอย่างเช่น น้ำอัดลม น้ำชาเขียว ขนมเบเกอรี่ แยม เยลลี่ ไอศกรีม ลูกอม หมากฝรั่ง ซอสปรุงรส นอกจากนี้ สารสตีวิโอไซด์ยังถูกใช้ในการผลิตยาสีฟันในปัจจุบันอีกด้วย

 

หญ้าหวาน อันตรายหรือไม่ กินแล้วเป็นหมันจริงหรือ?
แม้ว่าจะเคยมีการรายงานว่ามีชาวปารากวัยที่กินหญ้าหวานแล้วทำให้กลายเป็นหมันหรือไปลดจำนวนอสุจิให้น้อยลงก็ตาม แต่จากงานวิจัยก็พบว่า การใช้หญ้าหวานก็ไม่ได้ทำให้เกิดผลกระทบหรือผลข้างเคียงแต่อย่างใด เพราะได้มีการวิจัยแล้วกับหนูทดลองถึง 3 ชั่วอายุ ก็ไม่พบว่าจะมีหนูในรุ่นใดที่มีการกลายพันธุ์หรือกลายเป็นหมัน ขณะที่ในประเทศญี่ปุ่นก็มีการใช้หญ้าหวานมายาวนานถึง 17 ปี และมีรายงานการแพทย์ของอิเคดะ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982 ซึ่งได้รายงานรับรองไว้ในเอกสารทางการแพทย์ว่า ว่า ไม่พบแนวโน้มความเป็นพิษในหญ้าหวานแต่อย่างใด

นอกจากนี้ อาจารย์วีรสิงห์ เมืองมั่น จาก รพ.รามาธิบดี ก็ได้ยังได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับหญ้าหวานว่าควรกินปริมาณเท่าใดจึงจะปลอดภัย คือ ประมาณ 1-2 ใบต่อเครื่องดื่ม 1 ถ้วยหรือสูงสุดกินได้ถึง 7.9 กรัม/วัน ซึ่งสูงมากเปรียบได้กับกินผสมกาแฟหรือเครื่องดื่มได้ถึง 73 ถ้วย/วัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับคนส่วนใหญ่ที่ดื่มกาแฟประมาณวันละ 2-3 ถ้วย เท่านั้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก health.kapook.com

Zappnuar Healthy : อะไรคือ…หญ้าหวาน ??