เพื่อนๆ หลายคน คงจะเคยได้ยิน สุภาษิตที่ว่า หวานเป็นลม ขมเป็นยา ซึ่งในวันนี้ที่เรายกตัวอย่างมาไม่ได้มีความหมายถึง “คำชมมักไร้สาระทำให้ลืมตัวขาดสติ แต่คำติมักเป็นประโยชน์ทำให้ได้คิด” แต่อย่างใด แต่ยกตัวอย่างมาให้เข้ากับบทความของเราในวันนี้ที่ Zappnuar Healthy จะพาเพื่อนๆมารู้จักกับ ผักที่มีรสชาติขม แต่ถือว่าเป็นยาสมุนไพรที่สรรพคุณทางยายอดเยี่ยมทีเดียวค่ะ
1.มะระ ไม่ว่าจะเป็น มะระจีน หรือ มะระขี้นก ถือว่าเป็นยาเจริญอาหาร ยาระบาย ลดอาการหัวเข่าบวม บำรุงน้ำดี แก้โรคของม้าม โรคตับ ขับพยาธิ มีสรรพคุณในการรักษาโรคเบาหวาน ลดน้ำตาลในเลือด แก้ไข้ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ บำรุงระดู ช่วยขับพิษ ช่วยฟอกเลือด บำรุงตับ มีผลดีต่อสายตาและผิวหนัง ชาวจีนมักจะปรุงอาหารด้วยมะระให้คนในครอบครัวรับประทานยามเป็นสิวที่ใบหน้าและร่างกาย เมนูมะระที่นิยมประกอบอาหาร เช่น ผลอ่อนและยอดอ่อนนำมาลวกต้มเป็นผักจิ้มน้ำพริก ถ้าราดด้วยน้ำกะทิจะมีรสชาติดีขึ้น ผัดใส่ไข่ แกงกะทิ แกงจืดยัดไส้หมูสับ ส่วนมะระขี้นกมีรสขมกว่ามะระจีน ผลอ่อนนำไปต้มเผากินกับน้ำพริกหรือราดกะทิสดเพิ่มรสชาติ แกงจืดมะระขี้นกยัดไส้หมูสับ พะแนงมะระขี้นกยัดไส้ แกงเผ็ด ผัดกับไข่ ยอดมะระลวกจิ้มน้ำพริกหรือทานกับปลาป่นของชาวอีสาน และนิยมนำใบใส่ลงไปในแกงเห็ดแบบพื้นบ้านจะทำให้แกงมีรสขมนิดๆ กลมกล่อมมาก บ้างนิยมนำใบมาต้มหรือลวกจิ้มน้ำพริก ทางภาคเหนือนิยมนำยอดมะระสดมากินกับลาบหรือนำไปทำแกงคั่ว แกงเลียง และแกงป่า ได้รสน้ำแกงที่ขมเฉพาะตัว
2.สะเดา มีประโยชน์ช่วยบำรุงเลือด ช่วยเจริญอาหาร เป็นยาระบาย ช่วยให้นอนหลับดี และช่วยรักษาอาการไข้ เรานิยมนำยอดและดอกมาทำอาหาร มีคุณค่าทางโภชนาการเช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เส้นใย เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี และไนอาซิน แก้พิษโลหิต กำเดา แก้ริดสีดวงในลำคอ คันดุจมีตัวไต่อยู่ บำรุงธาตุ ขับลม ดอกสะเดามักออกในช่วงหน้าหนาว เมนูอาหารที่ได้รับความนิยม ลวกสะเดาจิ้มน้ำพริก หรือจะเป็นสะเดาน้ำปลาหวานทานกับปลาดุกย่าง ก็อร่อยเด็ดอย่าบอกใครเชียว
3.บอระเพ็ด มีรสขมจัด แก้ไข้ทุกชนิด แก้พิษฝีดาษ เป็นยาขมเจริญอาหาร ต้มดื่มเพื่อให้เจริญอาหาร ช่วยย่อย บำรุงน้ำดี บำรุงไฟธาตุ แก้โรคกระเพาะอาหาร บำรุงร่างกาย แก้สะอึก แก้มาลาเรีย เป็นยาขับเหงื่อ ดับกระหาย แก้ร้อนในดีมาก ลดน้ำตาลในเลือด ขับพยาธิ แก้อหิวาตกโรค แก้ท้องเสีย ไข้จับสั่น ระงับความร้อน ทำให้เนื้อเย็น ทำให้เลือดเย็น แก้โลหิตพิการ ใช้ภายนอกใช้ล้างตา ล้างแผลที่เกิดจากโรคซิฟิลิส นอกจากนี้ บอระเพ็ด ยังสามารถนำมาแช่อิ่มไว้ทานเล่นได้อีกด้วย โดยการตัดเถาบอระเพ็ดเป็นท่อนๆ ลอกเอาแต่เนื้อบอระเพ็ด(เอาแกนทิ้ง) แช่น้ำเกลือเป็นเวลา 1 เดือน นำมาแช่น้ำเปล่า 2 คืน แช่น้ำปูนใสอีก 1 คืน แล้วล้างให้สะอาด ลวกน้ำร้อนและผึ่งให้แห้ง จากนั้นนำไปแช่อิ่มอีก 15 วัน อร่อยจนลืมไปเลยว่าเคยมีรสขมมาก่อน
4.ขี้เหล็ก ดอกตูมและใบอ่อนของขี้เหล็กมีรสชาติขม ถือเป็นยานอนหลับชั้นดี ช่วยระบายท้องได้ดี บำรุงร่างกาย แก้ระดูขาว แก้นิ่ว ขับปัสสาวะ แก้ไข้ ช่วยลดความดันโลหิต และรักษากามโรค มีสารอาหาร เช่น วิตามินเอและซีค่อนข้างสูง มีเส้นใย แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินบี 1 และไนอาซิน ยอดขี้เหล็กมีสารช่วยคลายเครียดทำให้นอนหลับสบาย เมนูขี้เหล็กที่นิยมมีทั้งดอกตูมและใบอ่อน เช่น แกงคั่วใส่กะทิ หรือกินเป็นผักจิ้มน้ำพริก แกงขี้เหล็กจะอร่อยก็ต้องมีกะทิใส่ปลาย่างหรือหมูสับ กะทิในแกงขี้เหล็กไม่ได้ใส่เพื่อเพิ่มความอร่อยอย่างเดียว แต่มีส่วนในการดึงสารเบต้าแคโรทีนในขี้เหล็กออกมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นอีกด้วย หรือจะเป็นแกงขี้เหล็กแบบลาวๆ ไม่ใส่กะทิแกง ใส่หมูสามชั้นหรือกระดูหมู ก็แซบนัวเลยทีเดียว
5.หวาย ในลูกหวายมีทั้งแคลเซียมและวิตามินซี หน่อหวายมีโปรตีน เส้นใย และมีธาตุสังกะสีจำนวนมาก มีรสขมเย็น สรรพคุณทางยา แก้ไอ บำรุงน้ำดี แก้ร้อนในกระหายน้ำประโยชน์ทางอาหาร เมนูที่นิยมรับประทาน แกงหวาย มีสรรพคุณ ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ท้องร่วง แก้ร้อนใน บำรุงน้ำดี เป็นอาหารบำรุงธาตุไฟ (สำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูกเป็นประจำไม่ควรทานบ่อยเพราะจะทำให้ท้องผูกมากขึ้น ส่วนผู้เป็นโรคเหน็บชา อัมพฤกษ์ ก็ห้ามรับประทานบ่อยๆ เพราะจะทำให้การรักษาไม่ได้ผล เนื่องจากแกงหวายมีคุณสมบัติเป็นยาเย็น) ตำหวาย สรรพคุณ คือ สมานแผลในกระเพาะและลำไส้ ขับลม ขับเหงื่อ ช่วยระบายท้อง เป็นอาหารบำรุงธาตุดิน
ติดตามสาระ ความรู้ และบทความที่น่าสนใจได้ในครั้งหน้า ตามช่องทางการติดต่อข้างล่างนี้ค่ะ