เปิดตัวอย่างกันเป็นทางการแล้ว สำหรับ iPhone 6S (ไอโฟน 6S) ที่เรียกได้ว่า เป็นสมาร์ทโฟนที่คนทั่วโลกรอคอยมากที่สุดรุ่นหนึ่ง โดยนอกจากภายในงาน จะเปิดตัว iPhone 6S แล้ว ยังได้เปิดตัว iPhone 6S Plus รุ่นหน้าจอใหญ่อีกรุ่นหนึ่งด้วย โดยไร้เงา iPhone 6C ตามคาด ถึงแม้ว่าดีไซน์ของ iPhone 6S นั้น จะยังคงคล้ายกับ iPhone 6 แต่ได้มีการอัปเกรดในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะ กล้องถ่ายรูป ที่เรียกว่า น่าจะถูกอกถูกใจสาวกเลยก็ว่าได้ รวมไปถึง สีใหม่อย่าง สีชมพู Rose Gold เอาใจสาวๆ โดยเฉพาะ มาดูกันว่า iPhone 6S นั้น มีฟีเจอร์ใหม่ๆ เด็ดๆ อะไรกันบ้าง
1. เทคโนโลยี Force Touch และฟีเจอร์ใหม่ 3D Touch
หลังจากที่ แอปเปิ้ล ได้เปิดตัวเทคโนโลยี Force Touch บน Apple Watch กันไปแล้ว ล่าสุด เทคโนโลยีดังกล่าว ก็ได้ถูกใช้บน iPhone 6S ด้วยเช่นกัน พร้อมกับฟีเจอร์ใหม่แกะกล่องอย่าง 3D Touch ที่ช่วยทำให้การใช้งานสนุกมากขึ้นกว่าเดิม โดย 3D Touch มาพร้อมกับ 2 ฟีเจอร์ใหม่ ที่มีชื่อว่า Peek และ Pop ที่ทำให้สามารถดูคอนเทนต์ได้โดยไม่ต้องเปิดขึ้นมาจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น แอปฯ อีเมล การกดเบาๆ (Peek) เป็นการดูตัวอย่างเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าหากออกแรงกดเพิ่ม (Pop) จะเป็นการเปิดอีเมลนั้นๆ ซึ่งสามารถใช้ฟีเจอร์นี้ กับแอปฯ อื่นๆ ได้อีกมากมาย เช่น Safari, Photo รวมไปถึง Apple Maps อีกด้วย
2. อัปเกรดกล้องด้านหลัง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
นับตั้งแต่ iPhone 4S จนถึง iPhone 6 มาพร้อมกับกล้องด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลมาโดยตลอด แต่บน iPhone 6S นั้น ได้เพิ่มความละเอียดของกล้องด้านหลัง แบบ iSight เป็น 12 ล้านพิกเซลแล้ว พร้อมกับปรับเซ็นเซอร์ใหม่, โปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพใหม่ ที่ช่วยทำให้ได้ภาพถ่ายที่สวยขึ้นกว่าเดิม
3. กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ใช้หน้าจอเป็นไฟแฟลช
นอกจากจะปรับปรุงกล้องด้านหน้าแล้ว iPhone 6S ยังปรับกล้องด้านหน้า จากความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล บน iPhone 6 เป็น 5 ล้านพิกเซลแล้ว นอกจากนี้ ยังใช้ประโยชน์จากหน้าจอแบบ Retina HD ให้เป็นไฟแฟลชได้อีกด้วย โดยเวลาที่จะถ่ายภาพเซลฟี่ กล้องจะยิงไฟแฟลชนำไปก่อนเพื่อวัดสภาพแสงรอบๆ จากนั้น ไฟแฟลชแบบ True Tone บนจอภาพก็จะจัดแสงให้พอดีกับสภาพแสงรอบๆ เพื่อให้ได้ภาพที่สมจริง และสีผิวที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น
4. รองรับวีดีโอ 4K และ Live Photos ภาพเคลื่อนไหวได้
บน iPhone 6S ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ที่มีชื่อว่า Live Photos ซึ่งปกติแล้ว การถ่ายภาพนิ่งนั้น จะได้ภาพเพียงภาพเดียว แต่ฟีเจอร์ Live Photos จะเก็บภาพแบบเคลื่อนไหวพร้อมเสียง โดยสามารถดูภาพเหล่านี้ได้ ด้วยการกดลงไปที่รูปภาพนั้นๆ อีกทั้งยังสามารถตั้งรูป Live Photos ให้เป็นภาพ Background ได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังรองรับการถ่ายคลิปวีดีโอ ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล หรือระดับ 4K ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งบน iPhone 6S Plus จะมีระบบกันภาพสั่น หรือ OIS ด้วย (ส่วนบน iPhone 6S ไม่มีฟีเจอร์นี้)
5. ชิปเซ็ต Apple A9 แบบ 64-bit เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า 70%
iPhone 6S มาพร้อมกับชิปเซ็ต Apple A9 แบบ 64-bit และ Apple M9 หน่วยประมวลผลร่วม ซึ่งปรับปรุงประสิทธิภาพของ CPU ให้เร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง Apple A8 ถึง 70% และยกระดับประสิทธิภาพกราฟิกให้ดีขึ้นถึง 90% เมื่อเทียบกับ iPhone 6 เรียกได้ว่า สามารถเล่นเกมกราฟิกหนักๆ ได้อย่างลื่นไหลแน่นอน
6. ตัวเครื่องไม่งอง่ายแล้ว ด้วยอะลูมิเนียมเกรด 7000 สำหรับบอดี้ของ iPhone 6S นั้น ผลิตจากอะลูมิเนียมเกรด 7000 ซึ่งเป็นเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ ซึ่งถือว่า เป็นรุ่นที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดา iPhone ทั้งหมดที่เปิดตัวมา ส่วนดีไซน์ตัวเครื่อง เป็นแบบ Unibody เช่นเดียวกับ iPhone 6 โดย iPhone 6S มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล ส่วน iPhone 6S Plus มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล
7. เพิ่มสีใหม่ ชมพู Rose Gold
iPhone 6S มีให้เลือกถึง 4 สีด้วยกัน ได้แก่ สีทอง, สีเงิน, สีเทา Space Gray และสีน้องใหม่ ชมพู Rose Gold เอาใจสาวๆ โดยเฉพาะ
8. Touch ID ปรับปรุงใหม่ ตรวจจับลายนิ้วมือได้เร็วขึ้น เช่นเดียวกับ iPhone 6 เมื่อ iPhone 6S มาพร้อมกับ Touch ID เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Home ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ สามารถตรวจจับลายนิ้วมือได้เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า
9. รองรับ iOS 9
iPhone 6S มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 9 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุด ที่อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ และแอปพลิเคชันใหม่ๆ มากมาย โดย iOS 9 จะเปิดให้ดาวน์โหลดพร้อมกันในวันที่ 16 กันยายนนี้
ราคา iPhone 6S และ iPhone 6S Plus
ในงานเปิดตัว iPhone 6S และ iPhone 6S Plus นั้น เป็นการประกาศราคาที่วางจำหน่ายในสหรัฐฯ โดย iPhone 6S เริ่มต้นที่ $199 ส่วน iPhone 6S Plus เริ่มต้นที่ $299 เปิดพรีออเดอร์ในสหรัฐฯ 12 กันยายนนี้ วางจำหน่ายรอบแรก ในวันที่ 25 กันยายนนี้ ใน 12 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, สิงคโปร์, ญี่ปุ่น, นิวซีแลนด์, เปอโตริโก, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา (ยังไม่มีไทย)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก techmoblog.com