ช่วงนี้สังเกตเห็นใครๆก็เข้าร้านกาแฟกันมากขึ้น ไม่ว่าด้วยเหตุผลที่อยากจะดื่มกาแฟจริงๆ เพราะขนม ไอศครีมหลากรส ของหวานน่าตาน่าทาน หาสถานที่สงบๆนั่งทำงาน อ่านหนังสือ นัดพบปะเพื่อนฝูง หรือแม้กระทั่งเข้าร้านกาแฟ เพื่อเช็คอิน ถ่ายรูปอัพลงโซเชียล ตามกระแสสังคมปัจจุบัน และเพื่อให้ไม่ตกเทรนเรามาทำความรู้จักกับกาแฟแต่ละเมนูกันค่ะ
เอสเพรสโซ่ (Espresso)
คือ กาแฟที่มีรสแก่และเข้มข้น เอสเปรสโซ่ มาจากคำภาษาอิตาลี “espresso” แปลว่า เร่งด่วน เพราะรสชาติที่เข้มข้นอันเป็นเอกลักษณ์นี้เอง ทำให้คอกาแฟเอสเปรสโซ่ดื่มโดยไม่ใส่น้ำตาลหรือนม มักจะเสิร์ฟเป็นช็อต บางร้านก็เสริฟคู่กับชาร้อน
คาปูชิโน่ (Cappuccino)
มีส่วนประกอบหลัก คือ เอสเปรสโซ่และนม การชงคาปูชิโน่ส่วนใหญ่มักมีอัตราส่วนของเอสเปรสโซ่ 1/3 ส่วน ผสมกับนมร้อน 1/3 ส่วน และโฟมนมละเอียด 1/3 ส่วน ให้ลอยอยู่ด้านบน นอกจากนั้นอาจโรยหน้าด้วยผงซินนามอน หรือ ผงโกโก้เล็กน้อยตามความชอบนะจ๊ะ
ลาเต้ (Latte)
เป็นภาษาอิตาลีแปลว่า นม ส่วนในประเทศอื่นจะหมายถึง กาแฟลาเต้ โดยการเทเอสเปรสโซ่ 1/3 ส่วน นมร้อนอีก 2/3 ส่วน ลงในถ้วย และเทโฟมนมหนาประมาณ 1 เซนติเมตร ทับข้างบน ในการชงกาแฟลาเต้ บาริสต้าจะใช้วิธีขยับข้อมือเล็กน้อยขณะที่รินนม และโฟมนมลงบนกาแฟ ทำให้เกิดลวดลายต่าง ๆ เรียกว่า latte art นั่นเอง
มอคค่า (Mocha)
คือ กาแฟอราบิก้าชนิดหนึ่ง ปลูกอยู่บริเวณท่าเรือมอคค่าในประเทศเยเมน เมื่อนำมาชงจะมีกลิ่นคล้ายช็อคโกแลต แต่เนื่องจากสามารถปลูกได้เฉพาะพื้นที่ ปัจจุบันจึงดัดแปลงโดยใช้วิธีการผสมไซรัปหรือผงช็อคโกแลตลงในเครื่องดื่มที่ชงด้วยเอสเปรสโซ่และนมร้อนแทน
อเมริกาโน่ (Americano)
คือเครื่องดื่มกาแฟที่มีวิธีการชงโดยเติมน้ำร้อนผสมลงไปในเอสเพรสโซ่คือการเจือจางเอสเพรสโซ่ด้วยน้ำร้อน แต่มีกลิ่นและรสชาติที่เข้มอันมาจากเอสเพรสโซ่ อเมริกาโน่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟดำ แต่ไม่แก่และเข้มข้นมาก คอกาแฟส่วนใหญ่นิยมดื่มอเมริกาโน่โดยไม่ใส่น้ำตาล เพื่อจะได้รสชาติกาแฟของอเมริกาโน่มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีกาแฟผสมไซรัปเพื่อแต่งกลิ่นต่างๆ เช่น วนิลา คารามเล เฮเซลนัท ที่ปรับปรุงสูตรเด็ดเคล็บลับของร้านกาแฟอินดี้ทั้งหลาย ให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น ครั้งหน้าเมื่อเพื่อนๆเข้าร้านกาแฟก็อย่าหลงสั่งผิดๆถูกๆกันอีกนะจ๊ะ ติดตามสาระดีๆจาก Zappnuar Story ได้ที่ Zappnuar.com นะคะ