อัลฟาฟ่า Alfalfa ได้ชื่อว่า เป็นบิดาของอาหารทั้งปวง เพราะมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากมาย ในอดีตได้มีการนำอัลฟาฟ่ามาเป็นยารักษาโรคในพื้นที่บางแห่ง มาดูกันว่ามีโรคไหนที่หญ้ามหัศจรรย์นี้สามารถช่วยเสริมในการรักษาได้บ้าง

อัลฟา

?1.อัลฟัลฟ่า กับโรคมะเร็ง
โรคมะเร็ง โรคร้ายอันดับหนึ่งที่ใครได้เผชิญแล้ว เรียกได้ว่า เป็นฝันร้ายในชีวิตของเราเลยทีเดียว ได้มีการศึกษา และพบว่าในหน่อของอัลฟัลฟา , ถั่วเหลือง และต้น clover พบว่าเป็นแหล่งอาหารทางธรรมชาติที่สำคัญของสาร phytoestrogens ที่มีบทบาทที่สำคัญในการป้องกันโรค มะเร็งได้ โดยสารที่จัดว่าเป็นสารประเภท phytoestrogens จะรวมถึง isoflavones, coumestans, และ lignans ด้วย ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่มีข้อแนะนำสำหรับปริมาณที่ควรรับประทานสาร phytoestrogens อย่างชัดเจน แต่การเพิ่มการบริโภคอาหารประเภทดังกล่าวจะก่อประโยชน์ และป้องกันการเกิดโรคมะเร็งในร่างกายเราได้เป็นอย่างดี

?2.อัลฟัลฟ่ากับภาวะคลอเลสเตอรอลสูง
เป็นโรคยอดฮิต ของคนในยุคนี้เลยก็ว่าได้ และจากการศึกษาในห้องทดลองพบว่า สาร saponin และส่วนประกอบอื่นใน อัลฟัลฟ่ามีความสามารถในการยึดติดในคลอเลสเตอรอล กับเกลือน้ำดีซึ่งจะเป็นผลช่วยป้องกันหรือชะลอการดูดซึม คลอเลสเตอรอลจากอาหาร ดังนั้นจึงช่วยให้ระดับคลอเลสเตอรอลในเลือดต่ำ ป้องกันการเกิดภาวะการสะสมไขมันในหลอดเลือดได้ ใครที่มีภาวะคลอเลสเตอรอลสูง อัลฟัลฟา เป็นอีกตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว

?3.อัลฟัลฟ่ากับการใช้เพื่อสุขภาพสตรีวัยใกล้หมดประจำเดือน
มีคำแนะนำสำหรับสตรีวัยใกล้หมดประจำเดือนว่า ควรรับประทานอัลฟัลฟาเป็นประจำ เพราะในสตรีวัยใกล้หมดประจำเดือน เอสโตรเจนจะลดต่ำลงส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกาย และภาวะกระดูกเสื่อม ซึ่งในอัลฟาฟ่านั้นมีสารชนิดหนึ่งชื่อ isoflavone ได้ถูกจัดเป็นเอสโตรเจนธรรมชาติ (phytooestrogen) ไฟโต-เอสโตรเจนใน อัลฟัลฟาจะเข้าไปชดเชยเอสโตรเจนที่ต่ำลงนี้ รวมทั้ง วิตามินดี แร่ธาตุ แคลเซียมและฟอสฟอรัส ในอัลฟัลฟา ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ทำให้กระดูก-ฟันแข็งแรง จึงลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะกระดูกเสื่อม นอกจากนี้วิตามินและแร่ธาตุใน อัลฟัลฟาจะช่วยให้ร่างกายปรับสภาพได้อย่างเหมาะสม ลดอาการผิดปรกติต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงนี้สตรีวัยใกล้หมดประจำเดือน เช่น อาการร้อนวูบวาบตามตัว หรืออาการหงุดหงิดง่ายลง

?4.อัลฟัลฟ่ากับโรคกระเพาะอาหาร
กระเพาะอาหารของเราก็สำคัญนะคะ มีแพทย์จำนวนมากที่ใช้ อัลฟัลฟ่ารักษาโรคที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร เช่น มีแก๊สมากในกระเพาะอาหารเกิดอาการจุกเสียดเป็นประจำ โรคแผลในกระเพาะอาหาร และโรคเบื่ออาหาร โดยพบว่าอัลฟัลฟ่ามีวิตามินยู ซึ่ง ดร. กาเนนท์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าวว่า วิตามินยูมีศักยภาพสูงในการรักษาโรคกระเพาะ ทำให้การสมานแผลในกระเพาะดีขึ้น และทำให้การหลั่งของน้ำย่อยเป็นปกติอีกด้วย

?5.อัลฟัลฟ่ายังมีเอ็นไซม์ Bataine ซึ่งเป็นเอ็นไซม์สำหรับย่อยและเอ็นไซม์อื่น ๆ อีก 7 ชนิดที่ส่งเสริมปฏิกิริยาเคมีที่สามารถทำให้การดูดซึมสารอาหารภายในร่างกายเป็นไปอย่างดี รวมทั้งการมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูงของอัลฟัลฟ่าจะทำให้ผิวที่เคลือบกระเพาะอาหารมีความแข็งแรง ซึ่งพบว่าอัลฟัลฟ่าสามารถช่วยโรคกระเพาะอาหาร โรคปวดท้องเพราะมีแก๊สมาก และรักษาแผลในกระเพาะลำไส้ ได้เป็นอย่างดี โดยที่การรักษาโรคด้วยหญ้า อัลฟัลฟ่านี้อาจจะเป็นในลักษณะเดียวกันกับวิธีทางธรรมชาติของแมวหรือสุนัข ที่มักจะกินหญ้าเพื่อบรรเทาโรคกระเพาะของมันได้

?6.ปวดข้อ ข้อแข็ง รูมาตอยด์ แก้ไขได้ด้วยอัลฟัลฟา
โรคสารพัดปวด ก็เป็นอีกโรคที่ใครได้เป็นแล้วก็ต้องทนทรมานและเจ็บปวดไม่น้อย พบว่า สารอาหารในอัลฟัลฟาจะช่วยปรับสมดุลกรดด่างในร่างกาย ป้องกันการสะสมของกรดยูริคและกรดอื่น ๆ ตามข้อต่อต่าง ๆ ความมหัศจรรย์ของ อัลฟัลฟาเห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น เมื่อให้คนไข้รูมาตอยด์ ใช้อัลฟัลฟา ในการรักษาความปวดตามข้อ ก็ได้รับรายงานจากคนไข้ว่า สามารถงอมือได้สะดวกยิ่งขึ้นและความเจ็บปวดก็หายไป

?7.อัลฟัลฟาช่วยทำความสะอาดผิวจากภายในหรือดีท๊อกซ์ผิว
ครอโรฟิลล์ปริมาณสูง วิตามิน และแร่ธาตุที่มีอยู่ในอัลฟัลฟา ทำหน้าที่ขจัดของเสีย สารพิษออกจากเลือดและอวัยวะภายใน ลดการตกค้างของเสียตามผิวหนัง ทำให้เลือดสะอาดและไหลเวียนได้ดีขึ้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ชอบรับประทานเนื้อสัตว์ เมื่อเลือดไหลเวียนดีขึ้นทำให้ผิวพรรณผ่องใสมีสุขภาพที่ดีตามมา นอกจากนี้ในอัลฟัลฟายังมีสารไฟโต-เอสโตรเจน ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งพบว่าในคนที่มีสิวง่าย เมื่อรับประทานอัลฟัลฟาปริมาณการเกิดสิวจะลดลงและผิวจะดูสะอาดขึ้น

นอกจากนี้อัลฟัลฟายังดีสำหรับมารดาที่กำลังให้นมบุตร ช่วยเพิ่มการหลั่งของน้ำนม อัลฟัลฟายังมีคุณสมบัติในการช่วยขับถ่าย ปัสสาวะให้เป็นปกติได้อีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก อัลฟาฟ่า เจ้าของฉายา “หญ้ามหัศจรรย์”

Zappnuar Healthy : “อัลฟาฟ่า” บิดาของอาหารทั้งปวง